อาร์เจนแลค [ทูซซ์ = อาร์จเอนเลค][เอชลิค = อาร์เจนแลค]
ผู้คนในเมืองนี้ 70% คือเผ่าอาวุธ (10% เป็นสิ่งมีชีวิตทดลองที่ไม่สามารถระบุเผ่าได้)
เป็นเมืองที่มีทรัพยากรแร่ธาตุมากไม่แพ้ฟรอเซนไฮด์
และเด่นด้านอุตสาหกรรมเหมืองแร่และเหมืองถ่านหิน และอุตสาหกรรมการทดลองชีวภาพ
และเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่า"เมืองของผู้จงรักภักดี"[Loyalist] ของกองทัพทหารหลวง
ในต้นปี1025 ที่อาร์เจนแลคได้กลายเป็นเมืองภายใต้ปกครองของกองทัพทหารหลวง
ประชาชนที่เป็นอาวุธของอาร์เจนแลคได้ตกลงทำสัญญากับทางพระราชวังด้วยความว่า
"เผ่าอาวุธมนุษย์จะภักดีแด่เฉพาะการศึกที่ขึ้นตรงต่อราชวงศ์
ผู้ดำรงเผ่าพันธุ์เราผู้ใดไม่เชื่อฟัง มันผู้นั้นจะไม่ใช่อาวุธ"
เมื่อสมัยโบราณกาล อาร์เจนแลคมีชื่อเดิมว่า 'เขตแปด'
เป็นพื้นที่ว่างเปล่าใช้สำหรับทดลองและหาทรัพยากรธรรมชาติของเมืองหลวงเท่านั้น
แต่เมื่อนานวันเข้าเมื่อปี984ได้มีการทดลองเถื่อนที่ลอบกระทำการในกองทัพทหารหลวง
และเป็นเพราะเหตุผลบางอย่าง
ทำให้ผู้คนในคราทอสแทบจะไม่เคยเห็นประชากรในอาร์เจนแลคที่ยังไม่มีเจ้าของอยู่นอก
เขตกองทัพทหารหลวงกระทั่งในเมืองส่วนกลาง
สภาพภูมิอากาศของอาร์เจนแลคลักษณะคล้ายกับโรเซลีนน์
แต่เพราะพื้นที่ติดทะเลตอนใต้มากกว่า เลยทำให้อากาศอบอุ่นกว่าที่โรเซลีนน์ทั้งที่พื้นที่กึ่งไปทางตอนเหนือ
ในฤดูหนาวจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 10-20°C และในฤดูอื่นจะมีอุณหภูมิประมาณ 23-25°C เป็นค่าเฉลี่ย
ใจกลางเมืองอาร์เจนแลคมีแม่น้ำขนาดใหญ่จนสามารถมองเห็นได้ในแผนที่
(ใหญ่เป็นอันดับสองของคราทอส)
โดยมีสะพานเหล็กข้ามแม่น้ำอยู่สามสะพาน ได้แก่ สะพานควีนบริดจ์,สะพานคิงบริดจ์ และ สะพานอาเจนแลค
ที่มีสะพานน้อยขนาดนี้เนื่องจากในสมัยก่อน
ทางการไม่มีงบเพียงพอสำหรับเมืองที่เป็นพื้นที่รกร้าง
อีกทั้งสะพานจะไปบดบังทัศนียภาพของแม่น้ำที่เป็นสีเงินสวยงาม
การข้ามสะพานจึงไม่เป็นที่นิยมนัก ส่วนใหญ่จะใช้เรือข้ามฝาก
ชาวเมืองจึงมีความคุ้นเคยกับเรือและยานพาหนะทางน้ำ
ทั้งสองฝั่งถูกแยกเป็นสถานที่พักอาศัยกับสถานที่ที่ทำงาน ซึ่งในข้อหลัง พบว่ามีคนอาศัยอยู่ที่ทำงานอยู่ไม่น้อย แต่ในช่วงดึกจะไม่คึกคักเท่าฝั่งที่พักอาศัยเท่าไหร่
จากการสำรวจแร่ธาตุในทะเลสาบพบว่ามีธาตุเงิน(Argentum)อยู่จำนวนมาก
ทำให้ในบางครั้งมองเห็นแม่น้ำนี้เป็นสีเงิน เป็นที่มาของชื่อArgenlac ที่มาจากคำว่า Argentum และLagune
โทษของการทิ้งขยะหรือของเน่าเสียลงทะเลสาบและแม่น้ำสีเงินนี้คือปรับครั้งละ1800ดีเรล
http://royalmilitary.weebly.com/btc12ii.html
นอกจากเผ่าอาวุธแล้ว ส่วนใหญ่ก็มีประชากรคละเผ่า เป็นผู้ทำงานอาชีพนักขุดแร่และทำงานในเหมือง
มีหมู่บ้านคนงานเหมืองแร่และเหมืองถ่านหินมากมายในเขตฝั่งที่พักอาศัย
และเหมืองใหญ่โตมากมายในเขตสถานที่ทำงาน
และยังมีส่วนเล็กๆที่เป็นนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัย เพราะหลังจากที่การทดลองเถื่อนถูกปิดไป
แลปวิจัยทดลองเหล่านั้นก็ถูกปรับปรุงมาเป็นแหล่งวิจัยชีวภาพและ
ห้องพัฒนาเทคโนโลยีถูกกฏหมายให้แก่กองทัพทหารหลวง
นอกจากผู้ที่ทำอาชีพเหล่านี้แล้วก็ไม่มีใครมาอาศัยอยู่อีก
โดยที่ระหว่างพวกเขา (คนนอก) กับเผ่าอาวุธก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
เพราะพวกเขาเองก็เป็นกลุ่มที่จงรักภักดีกับราชวงศ์อย่างแรงกล้า และมีใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ
ซึ่งนั่นหมายความว่า พวกเขาจะไม่แสดงอาการอะไรเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดไม่เคยเห็นมาก่อน
และส่วนใหญ่ก็เกิดและเสียชีวิตในเมืองไม่เคยออกไปไหน
จึงเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา
ก่อนหน้าผู้คนในอาร์เจนแลคได้รับคำสั่งเช่นเดียวกันกับเมืองอื่นที่ว่า"ห้ามฆ่าบุคคลภายนอกเว้นมีเหตุจำเป็น"
แต่เพราะการเจรจาเรื่องการถูกบุกรุกที่บ่อยเกินไปกับทางพระราชวังในกลางปี ทำให้คำสั่งในอาร์เจนแลคถูกยกเลิกและกลายเป็น
"สามารถฆ่าได้ทันทีหากพบเห็นผู้ที่ยืนยันแล้วว่าเป็นบุคคลที่สังกัดกองทัพอื่น"
ผู้คนในเมืองนี้ 70% คือเผ่าอาวุธ (10% เป็นสิ่งมีชีวิตทดลองที่ไม่สามารถระบุเผ่าได้)
เป็นเมืองที่มีทรัพยากรแร่ธาตุมากไม่แพ้ฟรอเซนไฮด์
และเด่นด้านอุตสาหกรรมเหมืองแร่และเหมืองถ่านหิน และอุตสาหกรรมการทดลองชีวภาพ
และเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่า"เมืองของผู้จงรักภักดี"[Loyalist] ของกองทัพทหารหลวง
ในต้นปี1025 ที่อาร์เจนแลคได้กลายเป็นเมืองภายใต้ปกครองของกองทัพทหารหลวง
ประชาชนที่เป็นอาวุธของอาร์เจนแลคได้ตกลงทำสัญญากับทางพระราชวังด้วยความว่า
"เผ่าอาวุธมนุษย์จะภักดีแด่เฉพาะการศึกที่ขึ้นตรงต่อราชวงศ์
ผู้ดำรงเผ่าพันธุ์เราผู้ใดไม่เชื่อฟัง มันผู้นั้นจะไม่ใช่อาวุธ"
เมื่อสมัยโบราณกาล อาร์เจนแลคมีชื่อเดิมว่า 'เขตแปด'
เป็นพื้นที่ว่างเปล่าใช้สำหรับทดลองและหาทรัพยากรธรรมชาติของเมืองหลวงเท่านั้น
แต่เมื่อนานวันเข้าเมื่อปี984ได้มีการทดลองเถื่อนที่ลอบกระทำการในกองทัพทหารหลวง
และเป็นเพราะเหตุผลบางอย่าง
ทำให้ผู้คนในคราทอสแทบจะไม่เคยเห็นประชากรในอาร์เจนแลคที่ยังไม่มีเจ้าของอยู่นอก
เขตกองทัพทหารหลวงกระทั่งในเมืองส่วนกลาง
สภาพภูมิอากาศของอาร์เจนแลคลักษณะคล้ายกับโรเซลีนน์
แต่เพราะพื้นที่ติดทะเลตอนใต้มากกว่า เลยทำให้อากาศอบอุ่นกว่าที่โรเซลีนน์ทั้งที่พื้นที่กึ่งไปทางตอนเหนือ
ในฤดูหนาวจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 10-20°C และในฤดูอื่นจะมีอุณหภูมิประมาณ 23-25°C เป็นค่าเฉลี่ย
ใจกลางเมืองอาร์เจนแลคมีแม่น้ำขนาดใหญ่จนสามารถมองเห็นได้ในแผนที่
(ใหญ่เป็นอันดับสองของคราทอส)
โดยมีสะพานเหล็กข้ามแม่น้ำอยู่สามสะพาน ได้แก่ สะพานควีนบริดจ์,สะพานคิงบริดจ์ และ สะพานอาเจนแลค
ที่มีสะพานน้อยขนาดนี้เนื่องจากในสมัยก่อน
ทางการไม่มีงบเพียงพอสำหรับเมืองที่เป็นพื้นที่รกร้าง
อีกทั้งสะพานจะไปบดบังทัศนียภาพของแม่น้ำที่เป็นสีเงินสวยงาม
การข้ามสะพานจึงไม่เป็นที่นิยมนัก ส่วนใหญ่จะใช้เรือข้ามฝาก
ชาวเมืองจึงมีความคุ้นเคยกับเรือและยานพาหนะทางน้ำ
ทั้งสองฝั่งถูกแยกเป็นสถานที่พักอาศัยกับสถานที่ที่ทำงาน ซึ่งในข้อหลัง พบว่ามีคนอาศัยอยู่ที่ทำงานอยู่ไม่น้อย แต่ในช่วงดึกจะไม่คึกคักเท่าฝั่งที่พักอาศัยเท่าไหร่
จากการสำรวจแร่ธาตุในทะเลสาบพบว่ามีธาตุเงิน(Argentum)อยู่จำนวนมาก
ทำให้ในบางครั้งมองเห็นแม่น้ำนี้เป็นสีเงิน เป็นที่มาของชื่อArgenlac ที่มาจากคำว่า Argentum และLagune
โทษของการทิ้งขยะหรือของเน่าเสียลงทะเลสาบและแม่น้ำสีเงินนี้คือปรับครั้งละ1800ดีเรล
http://royalmilitary.weebly.com/btc12ii.html
นอกจากเผ่าอาวุธแล้ว ส่วนใหญ่ก็มีประชากรคละเผ่า เป็นผู้ทำงานอาชีพนักขุดแร่และทำงานในเหมือง
มีหมู่บ้านคนงานเหมืองแร่และเหมืองถ่านหินมากมายในเขตฝั่งที่พักอาศัย
และเหมืองใหญ่โตมากมายในเขตสถานที่ทำงาน
และยังมีส่วนเล็กๆที่เป็นนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัย เพราะหลังจากที่การทดลองเถื่อนถูกปิดไป
แลปวิจัยทดลองเหล่านั้นก็ถูกปรับปรุงมาเป็นแหล่งวิจัยชีวภาพและ
ห้องพัฒนาเทคโนโลยีถูกกฏหมายให้แก่กองทัพทหารหลวง
นอกจากผู้ที่ทำอาชีพเหล่านี้แล้วก็ไม่มีใครมาอาศัยอยู่อีก
โดยที่ระหว่างพวกเขา (คนนอก) กับเผ่าอาวุธก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
เพราะพวกเขาเองก็เป็นกลุ่มที่จงรักภักดีกับราชวงศ์อย่างแรงกล้า และมีใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ
ซึ่งนั่นหมายความว่า พวกเขาจะไม่แสดงอาการอะไรเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดไม่เคยเห็นมาก่อน
และส่วนใหญ่ก็เกิดและเสียชีวิตในเมืองไม่เคยออกไปไหน
จึงเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา
ก่อนหน้าผู้คนในอาร์เจนแลคได้รับคำสั่งเช่นเดียวกันกับเมืองอื่นที่ว่า"ห้ามฆ่าบุคคลภายนอกเว้นมีเหตุจำเป็น"
แต่เพราะการเจรจาเรื่องการถูกบุกรุกที่บ่อยเกินไปกับทางพระราชวังในกลางปี ทำให้คำสั่งในอาร์เจนแลคถูกยกเลิกและกลายเป็น
"สามารถฆ่าได้ทันทีหากพบเห็นผู้ที่ยืนยันแล้วว่าเป็นบุคคลที่สังกัดกองทัพอื่น"
